“ผมรู้จักกับคนตายมา 4 เดือนแล้ว โดยทุกครั้งที่เจอก็จะทักทายพูดคุยกันเสมอ เขาเป็นคนอัธยาศัยดีเลยรู้สึกชอบ วันเกิดเหตุประมาณ 4 ทุ่ม ผมออกไปซื้อของข้างนอก เมื่อเดินผ่านห้องผู้ตายพบว่าประตูห้องเปิดอ้าอยู่ เหลือเพียงประตูเหล็กที่มีมุ้งลวดติดอยู่ จึงลองผลักเข้าไปเพื่อหวังจะลักทรัพย์ปรากฏว่าประตูไม่ได้ล็อก จึงเดินเข้าไปภายใน เมื่อเห็นผู้ตายนอนหลับอยู่ก็หวังที่จะข่มขืนด้วย แต่กลับสะดุดสายไฟทำให้ผู้ตายตื่นและร้องให้คนช่วย ผมหันไปเห็นมีดวางอยู่บนชั้นวางของ เลยหยิบมีดมาปาดคอผู้ตายจนแน่นิ่งไป” นายชาตรีให้การอย่างไม่สะทกสะท้าน

เจ้าตัวยังให้การต่อว่า หลังจากนั้นจึงเดินออกจากห้องผู้ตายทางประตูหน้า ก็เดินอ้อมไปเข้าห้องตัวเองทางประตูหลัง เพื่ออาบน้ำชำระคราบเลือดที่ติดอยู่ และทำแผลที่มือแต่เลือดไหลไม่หยุดจึงนำเสื้อตัวที่ใส่ก่อเหตุพันไว้ จากนั้นก็นอนหลับและรุ่งเช้าก็ไปทำงานตามปกติ พอช่วงเย็นแฟนสาวประเภทสองโทร.ตามให้กลับมาที่ห้อง และพบกับตำรวจ ตนยังไม่ได้ข่มขืนผู้ตายแต่ที่เสื้อนอนถลกขึ้นนั้นเกิดจากขณะต่อสู้ และอยากจะขอโทษผู้ตายและครอบครัวผู้ตายกับสิ่งที่ทำลงไป

รุ่งขึ้นนายชาตรีถูกนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แต่ต้องยกเลิกเนื่องจากมีชาวบ้านนับพันแห่มา รออยู่ตรงที่เกิดเหตุ ฮึ่มๆ จะเข้ามารุมประชาทัณฑ์ จนตร.ต้องถอยทัพ ก่อนจะแอบพาตัวมาทำแผนอีกครั้งในช่วงกลางดึก

ร่างของครูอิ๋วถูกนำไปทำพิธีฌาปณกิจ ที่ วัดบ้านบุ่งค้า ต.พระธาตุ อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด ตามประเพณีท้องถิ่น ส่วนนายชาตรี ถูกดำเนินคดีในข้อหาหนัก “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต ตามที่ท่าน นายก ได้กล่าว ถึงกฏหมาย ว่า ข่มขืน = ประหาร จะจริงหรือไม่มารอฟังคำตัดสินในดคีความ